ไม่ว่าจะรูปแบบใดของความสัมพันธ์ เราทุกคนย่อมอยากเป็นส่วนหนึ่งในความสัมพันธ์ที่ดี เพราะการมีความสัมพันธ์ที่ดีนั้นช่วยให้เราได้รับแรงสนับสนุนทางใจ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราทุกข์หรือสุข ความสัมพันธ์ที่ดีเปรียบเสมือนต้นไม้ที่เป็นร่มเงาให้กับเราในวันที่ต้องเผชิญกับแสงแดดแรงๆ
ทีม Famskool จึงอยากชวนให้ทุกคนมาค้นหาคำตอบของคำถามที่ว่า ‘ความสัมพันธ์ที่ดีนั้นถูกสร้างขึ้นได้อย่างไร?’
จากการทำงานของทีม FamSkool มากว่า 3 ปี เราได้ค้นพบว่าความสัมพันธ์ที่ดีนั้นสามารถสร้างออกมาเป็นสมการความสัมพันธ์ที่จับต้องได้ หรือสมการVisible Relationship (VR) ได้หน้าตาของสมการออกมาดังนี้
เป้าหมายของสมการนี้คือความสัมพันธ์ที่อุ่นใจ เราเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่อุ่นใจจะนำพามนุษย์คนหนึ่งให้ไปสู่ความรู้สึกที่เรียกว่า 'Sense of Belonging' หรือความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งในความสัมพันธ์
'Sense of Belonging' เป็นความรู้สึกที่สำคัญมากๆ ในชีวิตของมนุษย์คนหนึง เพราะเด็กที่มี Sense of Belonging นั้นจะรับรู้ได้ว่าเขากำลังอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย พื้นที่ที่ได้รับความรู้สึกสบายใจที่จะดำเนินชีวิตอยู่ ซึ่งเกิดจากการที่ตัวเด็กรับรู้ได้ว่าตัวเขาเองมีคุณค่า และมีความงามที่รอพร้อมที่จะประสบความสำเร็จอยู่ ความรู้สึกเหล่านี้เองที่มีบทบาทสำคัญมากๆ สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นให้มนุษย์คนหนึ่งกล้าที่จะคิดและทำในสิ่งดีๆ เพราะเขาเห็นความหมายในการทำสิ่งเหล่านั้น เป็นเสมือนปุ๋ยชั้นดีในการสร้างความพร้อมให้ต้นไม้ได้มีโอกาสเจริญงอกงาม
ซึ่งจากสมการที่จะนำไปสู่ผลลัพท์ของความสัมพันธ์ที่อุ่นใจนั้นสิ่งที่เราต้องทำก่อนเลยก็คือทำตัวในวงเล็บ
(เปิดใจ+เชื่อมใจ)
'เปิดใจ' เปรียบเสมือนการที่คนสองคนเปิดประตูก้าวเข้ามาทำความรู้จักกัน เป็นเสมือนขั้นตอนแรกของการสร้างความสัมพันธ์ เพราะฉะนั้นการเปิดประตูจึงควรเป็นการเปิดประตูเพื่อรับสิ่งดีๆ ของอีกฝ่าย เราทุกคนจึงควรมีเลนส์พิเศษสวมไว้ เป็นเลนส์ที่ช่วยให้เรามองเห็นจุดแข็งเชิงบวกต่อตัวเองและผู้อื่นได้ เมื่อเราเห็นข้อดีของอีกฝ่ายมากกว่าข้อเสียจะทำให้เราเกิดความพร้อมที่จะรับฟัง พร้อมจะเข้าใจอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น เพราะการมองเห็นข้อดีของกันและกันมากกว่าข้อเสียนั้นเป็นเสมือนการเปิดโอกาสให้ตัวเราได้รับฟังอีกฝ่ายจากใจจริง ไม่มีความคิดเชิงลบที่สร้างอคติมาคอยตัดสินและปิดกั้นการรับฟังตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่าย
'เชื่อมใจ' เปรียบเสมือนสิ่งที่พัฒนาความสัมพันธ์ของคนสองคนให้เกิดความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้น โดยการสร้างโอกาสในการพูดคุย หรือสื่อสารกันในทุกๆ ช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่แสนธรรมดาหรือช่วงเวลาที่แสนพิเศษแค่ไหน เราก็สามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวต่างๆ กันได้
ทีมเรายังเชื่อว่าการสื่อสารอย่างใส่ใจยังเป็นกุญแจสำคัญที่นำไปสู่การเชื่อมใจกันระหว่างคนสองคน การสื่อสารอย่างใส่ใจสามารถทำได้ด้วยการหมั่นสังเกตุ หมั่นตั้งคำถามและรับฟังคำตอบของอีกฝ่ายอย่างใส่ใจ สิ่งเหล่านี้จะแสดงให้อีกฝ่ายรู้สึกและรับรู้ได้ว่าเขามีคุณค่าเพราะกำลังมีคนตั้งใจรับฟังเรื่องราวของเขาอยู่ การสื่อสารอย่างใส่ใจจึงเป็นเสมือนกาวเชื่อมใจระหว่างคนสองคนให้เกิดความผูกพันธ์และรู้สึกห่วงใยกันมากขึ้น
(เปิดใจ+เชื่อมใจ) เป็นเสมือนสิ่งที่สร้างรากฐานของความสัมพันธ์ให้มีความแข็งแรง ทำให้เกิดการอยู่ร่วมกันด้วยความเคารพ ให้เกียรติ และความเข้าใจซึ่งกันและกัน พร้อมยอมรับตัวตนของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น แต่นอกจากการเกิดการอยู่ร่วมกันอย่างเข้าใจกันนั้นทางทีม Famskool ยังพบว่ามันยังไม่เพียงพอต่อการสร้างความสัมพันธ์ให้เกิดความอุ่นใจ เพราะมนุษย์ทุกคนล้วนมีพาร์ทของชีวิตที่ต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ สมการ ‘ปรับใจ’ จึงต้องถูกเพิ่มขึ้นมา
'ปรับใจ' เปรียบเสมือนการจับเข่าพูดคุยในวันที่เด็กเกิดปัญหา เป็นการที่เราช่วยให้เขาได้ไตร่ตรองปัญหาในหลายๆ มุม เป็นการช่วยเพิ่มมุมมอง ช่วยเพิ่มทางเลือกที่มีต่อปัญหา พร้อมคอยสนับสนุนการตัดสินใจที่อีกฝั่งเลือกด้วยความเข้าอกเข้าใจ และคอยอยู่เขียงข้าง คอยให้กำลังใจให้อีกฝ่ายผ่านพ้นปัญหาไปได้
ความสัมพันธ์ที่อุ่นใจนั้นสามารถสร้างได้โดยเริ่มจากตัวเราก่อน เริ่มจากการที่ตัวเราลองเปิดใจกับผู้อื่น หลังจากเปิดใจเราต้องพยายามเชื่อมใจกับเขาอย่างสม่ำเสมอ ทำสองสิ่งนี้แล้วเราจะสะสมพลังงานดีๆ ไว้ใช้ปรับใจในวันที่ปัญหาเข้ามา