คอร์สเรียนทั้งหมดของเรา
เลือกจาก :
บทความที่อยากแนะนำ
FamSkool ติดเครื่องมือทรงพลัง ตัวช่วยความสัมพันธ์เด็ก ครอบครัว โรงเรียน
3 พ.ย. 2566
เพราะเชื่อว่าหากจะให้ ‘เด็ก’ จะโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์และมีความสุขในการใช้ชีวิต ปัจจัยสำคัญคือต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนในครอบครัว หรือครู    ดังนั้น FamSkool จึงได้คิดค้นกระบวนการสร้างความอุ่นใจให้ทุกความสัมพันธ์ โดยนำกรอบความคิดในเรื่องจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychology) มาเป็นหัวใจในการพัฒนาเครื่องมืออันทรงพลัง เพื่อให้เด็ก ครอบครัว และโรงเรียนสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างหลากหลาย อาทิ ‘การ์ด Character Strengths’ การหาอุปนิสัยที่เป็นจุดแข็งเชิงบวกของตนเองและผู้อื่น ‘การ์ดเชื่อมใจ’ ตัวช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ ผ่านชุดคำถามง่าย ๆ ‘บอร์ดปรับใจ’ เกมวิเคราะห์ปัญหาพฤติกรรมเด็ก และ ‘Empower: The family tool kit’ ชุดเครื่องมือเสริมพลังครอบครัว     ล่าสุดหลังจากเปิดเว็บไซต์ famskool.com นอกจากสาระน่ารู้ต่าง ๆ FamSkool ยังได้คิดค้นชุดเครื่องมือทรงพลังขึ้นมาใหม่ที่มีชื่อว่า Mind Journey และ Small Talk พร้อมนำ การ์ดเชื่อมใจ มาทำเป็นแบบออนไลน์เพื่อให้ทุกคนได้เข้าถึงได้ง่าย อยู่ที่ไหนก็ใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้แบบไร้ข้อจำกัด   อรุณฉัตร คุรุวาณิชย์ หรือ พี่สมิต ผู้ก่อตั้ง Life Education Thailand เล่าถึงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาทั้ง 3 เครื่องมือนี้ว่า เครื่องมือ Mind Journey สร้างขึ้นหลังจากที่ทีม FamSkool ค้นพบว่าครูที่ร่วมกิจกรรมเมื่อกลับไป เขาไม่มีพื้นที่ให้สื่อสาร ไม่มีพื้นที่ให้ระบาย ฮีลใจ เติมกำลังใจ หรือปรึกษาใครได้มากเท่าที่ควร    ด้านเครื่องมือ Small Talk ก็เกิดจากข้อค้นพบว่า การคุย การทายใจกันระหว่างครอบครัวกับเด็กนั้นมีประสิทธิภาพและมีพลังมาก ๆ ในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี FamSkool จึงหยิบเอาคอนเซ็ปต์นี้มาพัฒนาต่อ    ส่วนข้อค้นพบของ การ์ดเชื่อมใจ นั้นมาจากการที่เราต้องการทำให้เกิดพื้นที่ของการพูดคุยกันแบบใส่ใจมากขึ้น ไม่ว่าจะกับครู นักเรียน หรือครอบครัว      | Mind Journey เครื่องมือสำหรับแชร์ประสบการณ์ของครู    พี่สมิต บอกว่า Mind Journey เป็นแพลตฟอร์มที่สร้างมา เพื่อให้ครูที่จบการอบรมจากโครงการ FamSkool ไปแล้วได้มีพื้นที่ในการพูดคุยปรึกษากัน มีเครื่องมือช่วยในการตกผลึกทางความคิด แชร์ประสบการณ์ รวมไปถึงมีพื้นที่ปลอดภัยให้ครูได้ฮีลใจทางด้านคุณค่าตนเอง โดยในแพลตฟอร์ม Mind Journey จะมีการให้เลือกการเปลี่ยนแปลงของตนเอง เพราะในหลาย ๆ ครั้งเวลาที่ครูทำการเปลี่ยนแปลงให้คนอื่น แต่หลงลืมที่จะประเมินตนเอง ว่าได้พัฒนาคาแรคเตอร์ตัวไหน ได้พัฒนาความสุขในเรื่องอะไรบ้าง   ฉะนั้น FamSkool จึงอยากให้ Mind Journey เป็นแพลตฟอร์มที่ทำงานกับเรื่องของการสร้างพื้นที่ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในขณะเดียวกันก็ทำให้ครูรู้สึกดีกับการสร้างการเปลี่ยนแปลงไปในตนเองไปพร้อมกัน ตามคอนเซ็ปต์ที่บอกว่า Feel good when do good     “เราพัฒนาเครื่องมือ Mind journey ไม่ใช่แค่ให้ครูใช้เพียงกลุ่มเดียว แต่โรงเรียนก็สามารถเข้าไปสร้างห้อง เพื่อให้เกิดกรุปการเรียนรู้ระหว่างครอบครัวด้วยกันได้ สามารถเข้าไปสร้างกิจกรรม สร้างชุดคำถาม แชร์ประสบการณ์ เพื่อที่จะให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ระหว่างครอบครัว หรือกับกลุ่มเด็ก ๆ ด้วยกันเองก็สามารถทำได้”     | Small Talk เครื่องมือที่ช่วยทำงานกับครอบครัว   Small Talk เครื่องมือที่ช่วยถักทอความสัมพันธ์ในครอบครัว ตัวช่วยสำหรับครูและสถาบันการศึกษาในการเปลี่ยนวันพบผู้ปกครองที่แสนน่าเบื่อให้กลายเป็นวันที่เราจะได้ทำความรู้จักกันและกันมากขึ้น โดยเป้าหมายหลักของ Small Talk คือให้ครูและโรงเรียนได้มีเครื่องมือสำหรับสร้างช่วงเวลาและความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นในโรงเรียน ผ่านคำถาม 10 ข้อ ในรูปแบบของเกมเดาคำตอบ พร้อมยังมีแดชบอร์ดแสดงคะแนนในตอนท้ายที่สุด เพื่อสร้างแรงจูงใจที่อยู่บนอารมณ์เชิงบวก     “Small Talk เป็นเครื่องมือ Interactive ที่เราสร้างขึ้นมา เพื่อที่จะเป็นตัวช่วย เวลาที่ครูจัดประชุมผู้ปกครอง แทนที่จะให้พ่อแม่เสียเวลาทั้งวันเพื่อมานั่งฟังว่าลูกตัวเองเรียนเก่ง เรียนดี หรือมีพฤติกรรมอย่างไรแล้วก็กลับไป เราเปลี่ยนมาเป็นทำกิจกรรมร่วมกันให้เด็กกับครอบครัวได้คุยเรื่องเล็ก ๆ ตั้งคำถามทายกันในเรื่องง่าย ๆ แบบเป็นเกมฟิลลิ่งคล้าย ๆ คาฮูท คือการเช็ตกิจกรรมหรือชุดคำถามขึ้นมา โดยครูหรือโรงเรียนสามารถเข้าไปเลือกชุดคำถามได้จาก Small Talk จะเอากี่คำถามก็สามารถเลือกได้ ซึ่งหลังทำกิจกรรมเสร็จคะแนนก็จะถูกโชว์ขึ้นเลย”     | การ์ดเชื่อมใจออนไลน์ เครื่องมือที่จะช่วยให้เกิดเสียงพูดคุยระหว่างเด็ก ครอบครัว และโรงเรียน   อีกหนึ่งเครื่องมือที่อยากนำเสนอก็คือ ‘การ์ดเชื่อมใจ’ หลายคนอาจจะเคยเห็น เคยได้ยิน หรือแม้กระทั่งเคยเล่นผ่านกิจกรรมที่ FamSkool จัดทำ ซึ่งหลังจากเปิดเว็บไซต์ ทางพี่สมิตและทีมเห็นว่าเครื่องมือตัวนี้สามารถปรับใช้ในโลกออนไลน์ได้ การ์ดเชื่อมใจแบบฉบับออนไลน์ จึงเกิดขึ้น     “การ์ดเชื่อมใจ เป็ดการ์ดที่ออกแบบมาบนพื้นฐานของการทำให้เกิดพื้นที่ของการพูดคุยกันแบบใส่ใจ ไม่ว่าจะเป็น ครูกับเด็ก เพื่อนครูด้วยกันเอง โรงเรียนกับครอบครัว หรือระหว่างเด็กกับเด็ก ให้มีพื้นที่พูดคุยกันที่ไม่ได้จบบทสนทนาเร็วเกินไป สามารถขยายบทสนทนา ขยายความใส่ใจซึ่งกันและกันได้ ซึ่งตรงนี้แหละคือคีย์ของการ์ดเชื่อมใจ มันเป็นเหมือนการป้องกันการเกิดเรื่องใหญ่ ๆ เพราะว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาได้คุยกันเรื่องเล็ก ๆ โอกาสที่จะเกิดเรื่องใหญ่ ๆ ตามมาก็น้อยลง เพราะพวกเขามีพื้นที่ให้พูดคุยปลดปล่อยได้ เวลาไปกินข้าวด้วยกันก็รู้ว่าใครอึดอัดกับอาหารประเภทไหน เขาก็จะได้ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงลบกัน เห็นไหมว่าแค่รู้ว่าอีกคนชอบอาหารประเภทไหนก็เพิ่มความสัมพันธ์ในเชิงบวกได้แล้ว”   | คาดหวัง สร้างประโยชน์ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลง    พี่สมิต เสริมว่า ทีมงานหวังว่านวัตกรรม เครื่องมือ และเกมต่าง ๆ ของ FamSkool จะถูกนำไปใช้ในรูปแบบที่หลากหลายและจำนวนมากที่สุด พร้อมคาดหวังว่าจะมีหลายพันชีวิตที่ได้รับประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้    “เมื่อไหร่ก็ตามที่ครูหยิบเครื่องมือที่ไม่ซับซ้อน ทันสมัย เหมาะสมกับวัยทั้ง 3 ตัวนี้ไปใช้ สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปไม่ใช่แค่เด็กและครอบครัวของนักเรียน แต่ตัวครูเองก็จะเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเด็กไปด้วย เพราะว่าครูจะได้ยินในสิ่งที่ไม่เคยได้ยิน ได้เห็นเรื่องเล็ก ๆ ได้เข้าใจในความเป็นมนุษย์ จนนำไปสู่การสร้างพื้นที่ของความเป็นมนุษย์ให้เกิดขึ้นในห้องเรียน”     เครื่องมือและความรู้ต่าง ๆ เหล่านี้จะช่วยให้เกิดการสื่อสารเชิงบวก และสร้างประสบการณ์เชิงบวกระหว่างเด็ก ครอบครัว และโรงเรียน จนนำไปสู่การพัฒนาพื้นที่การเรียนรู้ร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ได้ไม่มีที่สิ้นสุดโดยมีเด็กเป็นศูนย์กลาง มองเห็นตัวตน เข้าใจ ส่งเสริมให้เขามีความอยากเรียนรู้ และมองเห็นคุณค่าที่มีในตนเอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการค้นพบศักยภาพของตนเองต่อไปในอนาคต  
บันทึกการเดินทางของโครงการ FamSkool 2020-21 ภาคเหนือ Module 1
3 ต.ค. 2566
FamSkool เป็นโครงการที่มีแนวคิดมาจากการที่คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวเด็กรู้จักเด็กไม่รอบด้าน เนื่องจากไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา ดังนั้นการที่จะทำความรู้จักเด็กเพื่อเข้าใจให้รอบด้านมากขึ้น และสนับสนุนพวกเขาให้ก้าวผ่านช่วงของการเปลี่ยนแปลงที่เข้ามาไปได้อย่างราบรื่นที่สุดนี้ก็จำเป็นที่ต้องอาศัยข้อมูลจากในมุมที่เด็กอยู่ที่โรงเรียนจากคุณครูด้วยเช่นกัน    โครงการนี้จึงเป็นพื้นที่เรียนรู้สำหรับการทำงานร่วมมือกันระหว่างโรงเรียน ครอบครัว และตัวเด็ก โดยหลักของ 3 ป. คือ ปรับมุมมอง ทั้งคุณครู ครอบครัว และตัวเด็กว่าการทำงานร่วมกันนี้เป็นไปในเชิงบวก และเชิงรุกได้ โดยการใช้ strengths มาเป็นมุมมองสำหรับมองกันและกัน เปลี่ยนวิธีการสื่อสาร อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการสื่อสารของแต่ละช่วงวัย ต่างก็มีชุดคำที่ใช้แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการสื่อสารกันแบบ I-You message หรือการตอบสนองต่อพฤติกรรมหรืออารมณ์ในเชิงบวก (ACR) เปลี่ยนกิจกรรม โดยนำจิตวิทยาเชิงบวก เช่น Character Strengths มาเป็นฐานในการใช้คิดกิจกรรม    โดยเมื่อเสาร์-อาทิตย์ที่ 18-19 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมคุ้มภูคำ จังหวัดเชียงใหม่ ได้เริ่มการจัด FamSkool 2020-21 ครั้งแรก สำหรับ Module 1 นี้ ซึ่งมี 4 โรงเรียนแกนนำจากภาคเหนือเข้าร่วม ประกอบด้วย  - โรงเรียนเชียงของวิทยาคม (เชียงราย)  - โรงเรียนสันป่าตองวิทยาคม (เชียงใหม่)  - วิทยาลัยเทคโนโลยีและสหวิทยาการ มทร.ล้านนา (เชียงใหม่) - และโรงเรียนบ้านแม่ระเมิง (ตาก) เข้าร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน   FamSkool Module 1 นี้ได้มีการทำงานเรื่องของการปรับมุมมองสู่มุมมองบนพื้นฐานจิตวิทยาเชิงบวก และทดลองเริ่มต้นออกแบบกิจกรรมโดยใช้ Character Strengths ร่วมกับ Positive Family Engagement CANVAS (PFE CANVAS)   โดยกระบวนการได้เริ่มต้นจากชวนให้ครูทบทวนความคาดหวัง เป้าหมายในการเข้าร่วม หลังจากการทบทวนเป้าหมายโครงการร่วมกันเรียบร้อยแล้ว จึงมีการแลกเปลี่ยนมุมมอง โดยคุณครูก็ได้เขียนถึงความคาดหวังและสาเหตุของความคาดหวังที่พาให้มารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้      หลังจากนั้นก็เป็นกิจกรรมที่จะพาคุณครูได้สะท้อนคิดกับตัวเอง นึกย้อนถึงเส้นทางชีวิตกว่าจะมาเป็นครูในวันนี้ จากนั้นก็เข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในกลุ่มย่อยที่มีคุณครูจากต่างโรงเรียน และสุดท้ายก็นำมาสะท้อนกันผ่านกลุ่มใหญ่ด้วยโจทย์ที่ว่า “สิ่งที่ส่งผลต่อสิ่งที่เราเป็น หรือสิ่งที่เราทำในทุกวันนี้มากที่สุด คืออะไร” ซึ่งก็ได้เปิดโอกาสให้คุณครูได้แชร์เรื่องราวให้เพื่อนครูด้วยกันฟังด้วย     นอกจากประสบการณ์ที่คุณครูได้ร่วมแชร์แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่เป็นคำตอบให้กับโจทย์นี้ได้ก็คือ ชุดความคิด (Mindset) โดยในแต่ละคนใช้เป็นกรอบที่จะนำไปมองประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามา ซึ่งถือว่าเป็น step แรกที่จะทำให้เราตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไรต่อไป โดยชุดความคิดนี้จะถูกแบ่งแบบกว้าง ๆ ได้ 2 ประเภท ก็คือ ชุดความคิดแบบตีบตัน (Fixed Mindset) เป็นการมองว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ยาก หรือไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงแล้ว และชุดความคิดแบบเติบโต (Growth Mindset) เป็นการมองว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้   โดยเริ่มจากการสังเกตหลุมพรางความคิด เช่น ชอบคิดว่าคนอื่นจะคิดยังไงนะ, คิดว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวเอง, คิดว่าผลที่ฉันได้รับเป็นสาเหตุมาจากคนอื่นแน่ ๆ, คิดซ้ำ ๆ ในเรื่องเดิม ๆ วนไป, และภาวะสิ้นหวัง (helplessness) ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่าความคิดนั้นเป็น step แรก ที่ส่งผลต่อการกระทำ ดังประโยคที่เรามักจะได้ยินกันอย่างคุ้นหูที่ว่า “ความคิดเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน” ดังนั้นแล้วเราก็จะพาคุณครูไปทำความรู้จักจิตวิทยาเชิงบวก (Positive Psychology) ที่เป็นการมองโลกความเป็นจริงอย่างมีความหวัง ที่เป็นกระบวนการป้องกันมากกว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้น   โดยหลักสำคัญของจิตวิทยาเชิงบวก คือ PERMA  P = Positive Emotions คืออารมณ์เชิงบวก 10 อารมณ์E = Engagement คือสภาวะที่รู้สึกว่ามีส่วนร่วมกับสิ่งที่ทำอยู่R = Positive Relationship คือความสัมพันธ์เชิงบวกM = Meaning คือคุณค่าในชีวิต สำหรับวัยรุ่นนั้นอาจจะเป็นการมองไปข้างหน้าอย่างมีความหวัง (Optimistic)A = Accomplishment คือความสำเร็จ ซึ่งในวัยรุ่นอาจจะยังเห็นภาพไม่ชัดนัก จึงให้ความดูที่ความพยายามเพื่อไปสู่เป้าหมายระยะยาวของเขาแทน (Grit)   หลังจากทำความรู้จักในเรื่องของชุดความคิด หลุมพรางความคิด และจิตวิทยาเชิงบวกแล้ว คุณครูก็ได้ลองใช้สิ่งที่เรียนผ่านการทำกิจกรรม Positive Family Engagement      ในช่วงบ่ายนี้เริ่มด้วยการทำความรู้จัก 24 จุดแข็งเชิงบวก (Character Strengths) ว่าแต่ละจุดแข็งมีความหมายว่าอย่างไร คนรอบตัวของคนที่มีจุดแข็งเชิงบวกนั้น ๆ จะมีความคิดเห็นหรือความรู้สึกยังไงต่อเขาบ้างนะ และจุดแข็งเชิงบวกเหล่านี้เปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ เมื่อคุณครูได้ทำความรู้จักกับจุดแข็งเชิงบวกนี้แล้ว คุณครูเองก็จะได้ลองดูจุดแข็งในตัวเอง และได้รู้จากอีกมุมมองหนึ่งของเพื่อนครูด้วยกัน นอกเหนือจากนี้ยังได้มีกิจกรรมที่พาให้คุณครูได้ลองนำจุดแข็งเชิงบวกมาปรับใช้กับกิจกรรมเดิมที่เคยทำ หรือสร้างกิจกรรมใหม่เพื่อผลลัพธ์ที่มากกว่าสำหรับการสร้างความร่วมมือกับครอบครัว หรือการนำไปใช้ในการทำความเข้าใจ และมองมุมต่าง ๆ ของเด็กได้รอบด้านและเป็นไปในทางเชิงบวกมากขึ้น หลังจากการเดินทางตลอดทั้งวันมานี้ก็ปิดท้ายวันแรกด้วยการเข้าร่วมชมภาพยนตร์ “The little star on earth” ภาพยนตร์อินเดียที่พาเราไปสำรวจการเติบโตของเด็กผ่านการเรียนรู้ในหลากหลายรูปแบบแฝงไปด้วยแง่คิดที่น่าสนใจไปพร้อม ๆ กัน     FamSkool 2020-21 ภาคเหนือ Module 1 ได้เดินทางมาสู่วันที่สอง ในช่วงเช้าหลังเริ่มต้นด้วยการสะท้อนคิดจากภาพยนตร์ที่ได้ชมไปเมื่อคืนโดยอิงจากสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปจากเมื่อวาน ซึ่งคุณครูในแต่ละกลุ่มนั้นก็หยิบยกทั้งเรื่องของชุดความคิด และจิตวิทยาเชิงบวกในเรื่องต่าง ๆ มาอธิบายได้อย่างครอบคลุมเนื้อหาของภาพยนตร์เลยทีเดียว หลังจากนั้นการเดินทางก็เข้มข้นมากขึ้นเพราะเป็นวันที่คุณครูในโรงเรียนเดียวกันจะร่วมด้วยช่วยกันระดมความคิดในการออกแบบการทำงานเพื่อให้เกิดความร่วมมือระหว่างครอบครัวและโรงเรียนบนพื้นฐานจิตวิทยาเชิงบวก ผ่าน Positive Family Engagement CANVAS (PFE CANVAS) ที่ทาง Life Education (T้hailand) ได้พัฒนาร่วมกับ Outermost เพื่อเป็นตัวช่วยในการเรียบเรียงชุดความคิดในการทำงานร่วมกับครอบครัวบนฐานจิตวิทยาเชิงบวก และการเล่าเรื่องที่ทรงพลัง (powerful story telling) อันจะสามารถนำไปสู่การสร้างความร่วมมือระหว่างครู ครอบครัว และส่วนนโยบายของโรงเรียนในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้     การเดินทางสำหรับ Module 1 สิ้นสุดด้วยการที่คุณครูได้เริ่มมีแผนงานของตัวเองใน CANVAS ที่จะนำไปทำต่อให้เกิดขึ้นจริง นอกจากนี้คุณครูแต่ละท่านยังได้ฝากข้อความถึงความประทับใจ และสิ่งที่อยากให้ซัพพอร์ตหรือสิ่งที่คุณครูอยากรู้เพิ่มเติมกับพวกเราไว้ด้วย ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูล และเตรียมความพร้อมของกิจกรรมให้สอดคล้องกับความคาดหวังของคุณครูให้ได้มากที่สุดสำหรับครั้งถัดไป แล้วพบกันใน FamSkool 2020-21 ภาคเหนือ Module 2 และสำหรับโรงเรียนที่สมัครใน 3 ภาคที่เหลือเตรียมอดใจรออีกนิดไม่เกิน สิงหาคมนี้เราจะมาร่วมสร้างการเดินทางบทใหม่ในการทำงานร่วมกับครอบครัวไปด้วยกันครับ    “เพราะความเป็นครอบครัว…ไม่ได้หยุดแค่ที่รั้วโรงเรียน”     เขียนโดย: อรุณฉัตร คุรุวาณิชย์ (สมิต) _ Life Education (Thailand) ร่วมด้วย ชนันญา น้อยสันเทียะ ภาพประกอบโดย: นางสาวดลพร นิธิพิทยปกฤต